จบไปแล้วสำหรับ Series M ของทุกสินค้าในตลาดอนุพันธ์ TFEX ที่สามารถซื้อขายได้ถึง 27 มิถุนายนที่ผ่านมา หากลงทุนอยู่แล้วคงคุ้นชินกับภาพความผันผวนที่เกิดขึ้น แต่กับนักลงทุนหน้าใหม่อาจมีข้อสงสัย

โดยเฉพาะผู้ที่ติดตามค่า Spread ของ S50M19U19 (ส่วนต่างราคาระหว่าง S50U19 – S50M19) จะเห็นว่าติดลบหนักในช่วงแรก (S50U19 ต่ำกว่า S50M19) ราว -5 ถึง -6 จุด ก่อนจะมาปรับตัวขึ้น (ติดลบน้อยลง) ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของ S50M19 (ระหว่าง 24 – 27 มิถุนายน 2562) โดยขึ้นไปถึง -1 จุด ถ้าได้ Long Spread คู่นี้ไว้ โดยเป็นการ Long S50U19 และ Short S50M19 จะได้กำไรก่อนหักค่าคอมมิชชันราว 4 – 5 จุด ซึ่งถือว่าไม่น้อยเมื่อเทียบกับระยะเวลาลงทุนแค่สัปดาห์เดียว และความเสี่ยงในการลงทุนที่ต่ำมากๆ เพราะมีการหักล้างสถานะด้วยการ Long และ Short ในทิศทางตรงข้ามกันในตัว คำถามที่ตามมาคือ จะฉวยโอกาสแบบนี้ได้อย่างไร และการลงทุนใน Spread มีลักษณะอย่างไร

กลยุทธ์การลงทุนใน Spread อย่างละเอียดสามารถอ่านได้ในหนังสือ “ลงทุนอนุพันธ์ฉบับเข้าใจง่าย” ซึ่งกลยุทธ์ Spread มีความซับซ้อนมากกว่าการลงทุนแบบขาเดียวที่คิดว่าจะขึ้นก็ Long คิดว่าจะลงก็ Short

โดยถ้านักลงทุนจะเล่น Spread ก็ต้อง Long ตัวหนึ่งและ Short อีกตัวหนึ่งพร้อมกัน ถ้ามองในมุมของความถูกแพง จะ Long ตัวที่ถูกกว่าและ Short ตัวที่แพงกว่า เพื่อให้ง่ายต่อการตีความของถูกของแพงและการส่งคำสั่งซื้อขาย จึงพิจารณากันที่ค่า Spread หรือส่วนต่างราคาโดยตรงไปเลย โดยนำตัวที่ไกลกว่าลบด้วยตัวที่ใกล้กว่า เช่น S50M19U19 อยู่ที่ -5 จุด แปลว่า S50U19 ต่ำกว่า S50M19 อยู่ 5 จุด

การเล่น Spread ให้มองเหมือนการซื้อหรือขายหุ้นปกติก็ได้ ถ้าคาดว่าค่า Spread จะมากขึ้น ก็ให้ Long Spread แต่ถ้าคิดว่า Spread จะลดลงก็ให้ Short Spread โดยถ้าคาดว่า Spread คู่ S50M19U19 จะสูงขึ้น และส่งคำสั่ง Long เข้าไปในระบบซื้อขาย ตลาด TFEX จะ Long S50U19 และ Short S50M19 ให้

ขณะที่ ถ้าคาดว่า Spread จะลดลง และส่งคำสั่ง Short เข้าไปในระบบซื้อขาย ตลาด TFEX จะ Short S50U19 และ Long S50M19 ให้ ถ้า Spread สูงขึ้นหรือลดลงตามที่คาด ไม่ว่าทิศทางตลาดในช่วงนั้นจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง จะมีกำไรจากการเล่น Spread เพราะฉะนั้น กลยุทธ์นี้นอกจากจะมีความเสี่ยงไม่สูงแล้ว ยังเหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ถนัดคาดการณ์แนวโน้มเพื่อเก็งกำไรแบบทิศทางปกติด้วย

แต่เพราะต้นทุนในการทำธุรกรรมค่อนข้างแพง เพราะต้องเปิด 2 สัญญาและปิด 2 สัญญา รวมเป็น 4 สัญญาขั้นต่ำในแต่ละรอบ การลงทุน Spread จึงต้องรอจังหวะในช่วงที่มั่นใจจริงๆ ซึ่งมี 2 มุมมอง ได้แก่

1. เล่น Spread ในช่วง Roll Over ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อ Series ที่ใกล้ที่สุดกำลังจะหมดอายุ นักลงทุนต้องวัดใจผู้ Roll Over ว่าจะถือสถานะฝั่งไหนข้ามไป Series หน้า ถ้าเป็นฝั่ง Long จะทำให้ Spread สูงขึ้น เพราะจะมีการเร่ง Short Close ตัวใกล้ และ Open Long ตัวไกล แต่ถ้า Roll Over ฝั่ง Short จะทำให้ Spread ต่ำลง จากการเร่ง Long Close ตัวใกล้ และ Open Short ตัวไกล

ถ้าจะให้เดาใจ แนะนำให้ตามสถานะของนักลงทุนต่างชาติ เพราะเป็นกลุ่มที่ซื้อขายหนักในช่วงที่ Futures ใกล้หมดอายุ แปลว่าเป็นกลุ่มที่ Roll Over มากที่สุด โดยถ้ายอดสะสมในไตรมาสนั้นเป็น Long สุทธิ ให้ Long Spread แต่ถ้ายอดสะสมเป็น Short สุทธิ ให้ Short Spread

เพราะฉะนั้น น่าจะตอบคำถามข้างต้นได้ว่าทำไม Spread คู่ S50M19U19 ถึงสูงขึ้น (ติดลบน้อยลง) ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพราะต่างชาติมีการ Roll Over ฝั่ง Long จากสถานะที่เป็น Long สุทธิสะสมในช่วงก่อนหน้า

กราฟที่ 1: ยอดซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติรายวัน (เส้นสีฟ้า) มักเร่งตัวขึ้นในช่วงใกล้หมดอายุของ SET50 Index Futures ที่เป็น Series รายไตรมาส

กราฟที่ 2: Spread คู่ S50M19U19 ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ S50M19 กำลังจะหมดอายุ

กราฟที่ 3: สถานะสะสม Index Futures ของต่างชาติ YTD

2. เล่น Spread ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน เพราะนักลงทุนมักเล่นรุ่นที่ใกล้จะหมดอายุมากกว่ารุ่นที่เหลืออายุอีกนาน ถ้าตลาดลงเร็วและแรง รุ่นใกล้จะถูก Short มากกว่ารุ่นไกล ทำให้ Spread สูงผิดปกติ จึงเป็นโอกาสในการ Short Spread แต่ถ้าตลาดขึ้นเร็วและแรง รุ่นใกล้จะถูก Long มากกว่ารุ่นไกล ทำให้ Spread ต่ำผิดปกติ จึงเป็นโอกาสในการ Long Spread

เนื้อหานี้ทำให้นักลงทุนเข้าใจภาพรวมการลงทุนใน Spread มากขึ้น และหากวางกลยุทธ์ลงทุนได้ถูกต้อง ย่อมประสบความสำเร็จในระยะยาว แต่อย่างไรก็ตาม สัญญา SET50 Index Futures ที่เลือกเป็นเพียงการแสดงตัวอย่างประกอบการอธิบายเพื่อใช้สำหรับศึกษาเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด

ณัฐพล คำถาเครือ

ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)